วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2550
มัลติมีเดียเพื่อการศึกษา และระบบมัลติมีเดีย
มัลติมีเดียเพื่อการศึกษา บทเรียนบนเครือข่ายศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา ได้จัดตั้งส่วนมัลติมีเดียเพื่อการศึกษา เพื่อทำหน้าที่วิจัย พัฒนา และศึกษาติดตามความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา ผลิตสื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษา รวมทั้งเผยแพร่มัลติมีเดียเพื่อการศึกษาอีกด้วยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา จัดผลิตบทเรียนบนเครือข่ายในหลายวิชา ซึ่งผู้สนใจทุกท่านสามารถเข้ามาใช้บทเรียนได้ฟรี เพียงแค่สมัครสมาชิกหรือลงทะเบียนเท่านั้น
ถ้าจะดูกันแล้วสำหรับระบบมัลติมีเดีย นั้น จะพบว่า มีปัญหาใหญ่อยู่ 2 ข้อ หนึ่งก็คือ ระบบมัลติมีเดียเป็นเรื่องใหม่จริงหรือ และอีกข้อหนึ่งก็คือ ระบบมัลติมีเดียจริงๆ แล้วคืออะไร
ระบบมัลติมีเดีย
สำหรับปัญหาในข้อแรกนั้น ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ระบบมัลติมีเดียนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย เพราะมีการพูดถึงกันมาถึง 6-7 ปีแล้ว แต่อย่างไรระบบมัลติมีเดียก็ยังคงเป็นเรื่องฮอตกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ เหตุผลเป็นเพราะว่า เครื่องคอมพิวเตอร์มีความเร็วพอที่จะประมวลผลข้อมูลที่อยู่ในรูปของภาพ เสียง และภาพยนตร์ คือเมื่อก่อนไม่มีมัลติมีเดีย เพราะเครื่องเร็วไม่พอนั่นเอง ปกติแล้วมนุษย์จะเอาเทคโนโลยีใหม่มาแทนเทคโนโลยีเก่าที่ไม่สามารถตอบสนองการทำงานของมนุษย์ได้ ในกรณีของคอมพิวเตอร์ แต่เดิมใช้จอภาพขาวดำแสดงผล ต่อมาเราก็เปลี่ยนเป็นจอสี จนปัจจุบัน ก็มีจอสีที่ใหญ่พอจะดูหนังได้หลายจอพร้อม ๆ กัน ปัญหาในข้อที่ 2 คือ จริง ๆ แล้วมัลติมีเดียคืออะไร ในความเห็นของผู้เขียน มัลติมีเดียเป็นเป็นสาขาวิทยาการในสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ที่รวบรวมศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์มากมายเข้าด้วยกัน ทั้งการนำมาประยุกต์ใช้ และการพัฒนาการสื่อสารและการจัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ต โปรแกรมมิ่ง การออกแบบสื่อในทางศึกษาศาสตร์ในแต่ละสาขาที่ยกตัวอย่างมา
ระบบมัลติมีเดีย
ส่วนประกอบทางมัลติมีเดียหลักๆคือ ข้อความ ภาพนิ่ง เสียง และ ภาพยนตร์ จากส่วนประกอบหลักนี้จะนำไปสู่ส่วนประกอบอื่นๆ เพื่อที่จะนำส่วนประกอบหลักไปใช้งานได้ ตัวอย่างเช่น ข้อความ เริ่มต้นเราใช้ ASCII เป็นรูปแบบหลักในการแทนข้อมูลปัจจุบันที่กำลังเปลี่ยนมาเป็น UNICODE การนำไปใช้โดยทั่วไก็คือการสร้างเอกสาร โดยเอกสารสามารถอยู่ได้หลายรูปแบบ เช่น เป็นเอกสารที่สร้างโดยเวิร์ดโปรเซจเซอร์ ซึ่งจะมีการกำหนดรูปแบบการพิมพ์ เช่นตัวหนา ตัวเอียง งานประยุกต์ของข้อความที่จัดเก็บแล้วอาจไม่มีต่อจากตรงนี้ คือ เป็นเอกสารพร้อมอ่าน เอกสารต้องนำไปพิมพ์ ในระบบมัลติมีเดียก็มีเทคโนโลยีทางเครื่องพิมพ์หลายชนิดให้เราเลือกพิมพ์ เอกสารอาจจะนำไปทำอย่างอื่นต่อได้ เช่น การนำไปใช้บนเวบทางซอฟแวร์ เช่น HTML หรือ ทางฮาร์ดแวร์ เช่น Web Server เอกสารอาจจะมีขนาดใหญ่ จึงจำเป็นต้องเก็บไว้ใน Storage ขนาดใหญ่ เป็นที่มาของหน่วยความจำสำรองต่างๆ แต่ถ้ายังไม่พอ ก็มีการบีบอัดข้อมูล ถ้าต้องการส่งเอกสารให้ผู้อื่น อินเทอร์เนต ก็เป็นสิ่งจำเป็น ในการส่งข้อมูลทางอินเทอร์เนตมีความปลอดภัยต่ำ จึงต้องมีระบบรักษาความปลอดภัย ทีนี้เราจะมองเห็นได้ชัดขึ้นว่า เหตุใด ระบบมัลติมีเดีย จึงเป็นการนำสหวิทยาการมาใช้ร่วมกันเพื่อทำงานเกี่ยวกับการสื่อสารและการเก็บข้อมูล
สรุปแล้ว องค์ประกอบหลักทางมัลติมีเดียคือ ข้อความ เสียง ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว จากนั้นการประมวลผลใดๆก็เกี่ยวข้องกับมัลติมีเดียทั้งสิ้น และเนื่องจาก รายละเอียดเหล่านี้พบได้ทั่วไปในหนังสือเรียนระดับปริญญาตรี ดังนั้นข้อความที่พบจะอยู่ในรูปแบบต่างๆกัน ถ้าเป็นภาพนิ่งก็เช่น GIFF,TIFF,JPEG,PNG และอื่นๆ แต่ละอันก็มีข้อดีข้อเสีย
งานประยุกต์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับมัลติมีเดีย
นักวิจัยทางด้านมัลติมีเดียมองว่า องค์ประกอบหลักทุกอย่างมีคุณสมบัติร่วมกันคือเป็น "สัญญาณ" ที่มี "หลายมิติ" และ "หลายช่องทาง"ที่มี "ความละเอียด" แตกต่างกันไปในแกนของ "เวลา" หรือ "พื้นที่" เช่น เสียงโทรศัพท์ มีช่องทางเดียว มีมิติเดียว ขณะที่เครื่องเล่นCD แม้มีมิติเดียว แต่มีสองช่องทางเป็นเสียงเสตอริโอ
ดังนั้น หากมองงานประยุกต์ทางมัลติมีเดีย โดยพื้นฐานจึงเป็นในเชิงของวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ที่ศึกษาข้อมูลทางสัญญาณคณิตศาสตร์ งานประยุกต์ในระดับนี้ถือเป็นงานในระดับล่างสุด เช่น Coding ,Compression เป็นต้น
หากไม่ใช้โมเดลทางคณิตศาสตร์ งานประยุกต์จะเป็นลักษณะการทำความเข้าใจขัอมูล ซึ่งอาจจะเป็นการรู้จำรูปแบบ(Pattern Recognition) ซึ่งประกอบด้วยเทคนิคต่างๆที่ใช้ในวิชา Artifitial Intelligence เป็นอย่างมาก แต่ในขณะนี้ งานแบบนี้ยังไปได้ไม่ไกลมาก
งานอีกกลุ่มที่สำคัญคือ input/output ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน อย่างเช่น mouse ต่างๆ scanner microphone จอภาพต่างๆ
งานต่อไปเป็นเรื่องของระบบสืบค้น และจัดเก็บข้อมูลมัลติมีเดีย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ข้อมูลรูปภาพ เสียง ภาพยนตร์ มีขนาดใหญ่มาก จึงจำเป็นต้องมีตัวเก็บชนิดพิเศษ เช่น Optical Media นอกจากนี้การนำส่งข้อมูลจากเครื่องหนึ่งไปอีกเครื่องหนึ่งโดยไม่เสียอารมณ์ เช่นการดูวีดีโอผ่านระบบเครือข่าย ภาพไม่ควรกระตุก ระบบเครือข่ายจึงควรมีระบบรับรองคุณภาพของบริการ (Qos Quality of Services)
เรื่องอื่นๆก็เช่นที่เกี่ยวข้อง ก็ได้แก่ วิธีการแสดงผล การออกแบบ แลกเปลี่ยนข้อมูล เป็นต้น
จากเว็บ
http://www.ku.ac.th/e-magazine/may44/it/multimedia.html
มัลติมีเดีย
ความหมายของมัลติมีเดีย
1. ความหมาย “มัลติมีเดีย “
2. องค์ประกอบของมัลติมีเดีย
3. ประโยชน์ของมัลติมีเดีย 1
1.1มัลติ ( Multi ) มัลติ คือ หลาย ๆ อย่างผสมรวมกัน
1.2 มีเดีย ( Media ) มีเดีย คือ สื่อ ข่าวสาร ช่องทางการสื่อสารเพื่อนำมารวมกัน เป็นคำว่า “มัลติมีเดีย” มัลติมีเดีย ( Multimedia ) มัลติมีเดีย คือ การนำองค์ประกอบของสื่อชนิดต่าง ๆ มาผสมผสานรวมกัน ซึ่งประกอบด้วย ตัวอักษร ( Text )ภาพนิ่ง ( Image ) ภาพเคลื่อนไหว ( Animation ) เสียง (Sound ) และวีดีโอ ( Video ) โดยผ่านกระบวนการทางระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อสื่อความหมายกับผู้ใช้อย่างมีปฏิสัมพันธ์ ( Interactive Multimedia )และได้บรรลุตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
2. องค์ประกอบของมัลติมีเดีย
2.1 ข้อความ ( Text ) 2.2 ภาพนิ่ง ( Image )
2.3 ภาพเคลื่อนไหว ( Animation )
2.4 เสียง ( Sound )
2.5 วีดีโอ ( Video ) ข้อความหรือตัวอักษร ข้อความหรือตัวอักษร ถือว่าเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญของมัลติมีเดีย ที่นำเสนอผ่านจอภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ นอกจากจะมีรูปแบบและสีของตัวอักษรให้เลือกมากมายตามความต้องการแล้วยังสามารถกำหนดคุณลักษณะของปฎิสัมพันธ์ ( โต้ตอบ ) ในระหว่างการนำเสนอได้อีกด้วย ภาพนิ่ง ( Image ) ภาพนิ่งเป็นภาพที่ไม่มีการเคลื่อนไหว เช่น ภาพถ่าย ภาพวาด และภาพลายเส้น เป็นต้น แต่ภาพนั้นสามารถสื่อความหมายได้กับทุกชนชาติ ภาพนิ่งมักจะแสดงอยู่บนสื่อชนิดต่าง ๆ เช่นโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ หรือวารสารวิชาการ เป็นต้น ภาพเคลื่อนไหว ( Animation ) ภาพเคลื่อนไหว หมายถึง ภาพกราฟฟิกที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อแสดงขั้นตอนหรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่น การเคลื่อนที่ของอะตอมในโมเลกุล เป็นต้น เพื่อสร้างสรรค์จินตนาการให้เกิดแรงจูงใจจากผู้ชม เสียง ( Sound )เสียง เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญของมัลติมีเดีย โดยจะถูกจัดเก็บอยู่ในรูปของสัญญาดิจิตอล ซึ่งสามารถเล่นซ้ำกลับไปกลับมาได้โดยโช้โปรแกรมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับทำงานด้านเสียงจะเกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สร้างความน่าสนใจ น่าติดตาม เสียงจึงมีองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับมัลติมีเดีย ซึ่งสามารถนำเข้าเสียงผ่านทางไมโครโฟน แผ่นซีดี เทปเสียง และวิทยุ เป็นต้น วีดีโอ ( Video ) เนื่องจากวีดีโอในระบบดิจิตอลจะสามารถนำเสนอข้อความ หรือรูปภาพ ( ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว )ประกอบกับเสียงได้สมบูรณ์มากกว่าองค์ประกอบชนิดอื่น ๆ ปัญหาหลักของการใช้วีดีโอในระบบมัลติมีเดีย คือ การสิ้นเปลืองทรัพยากรของพื้นที่บนหน่วยความทรงจำเป็นจำนวนมาก ประโยชน์ - ง่ายต่อการใช้งาน - สามารถได้ถึงความรู้สึก - สร้างเสริมประสบการณ์ - เพิ่มขีดความสามารถในการเรียนรู้ - เข้าใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น - คุ้มค่าในการลงทุน - เพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุน บทสรุป “มัลติมีเดีย” เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีขีดความสามารถในการผลิตได้หลากหลายรูปแบบ การนำเสนอองค์ประกอบของสื่อชนิดต่าง ๆมาผสมผสานเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยตัวอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง วีดีโอ โดยผ่านกระบวนการทางระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อสื่อความหมายกับผู้ใช้อย่างมีปฏิสัมพันธ์และได้บรรลุผลตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
มัลติมีเดียทางการศึกษา
มัลติมีเดียทางการศึกษา
ปัจจุบันคนไทยเริ่มเล็งเห็นความสำคัญของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีซึ่งกำลังมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะอิทธิพลต่อการศึกษาของไทย ซึ่งไทยควรจะมีการจัดทำสื่อเพื่อเตรียมบุคลากรทางการศึกษา คือ ครูและผู้บริหารการศึกษาให้ก้าวไปพร้อมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ตระหนักถึงการเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีมัลติมีเดียกับการศึกษา และบทบาทของครูกับนักเรียนเพื่อที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์
เมื่อกล่าวถึงมัลติมีเดีย จะเป็นสิ่งที่กว้างมาก เนื่องจากว่ามัลติมีเดียเกิดจากการนำภาพ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว วิดีโอมาผสมผสานเข้าด้วยกัน แต่เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้คอมพิวเตอร์กำลังเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของคนเราเป็นอย่างมาก ดังนั้นถ้าหากได้ยินใครกล่าวถึงมัลติมีเดียคนทั่วไปมักจะนึกถึงคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นความเข้าใจที่ผิด แต่ก็ได้มีนักการศึกษาหลาย ๆ ท่านได้ให้ความหมายของมัลติมีเดียไว้ดังนี้
มัลติมีเดีย หมายถึง การนำองค์ประกอบของสื่อชนิดต่าง ๆ มาผสมผสานเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วย ตัวอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง วิดีโอ โดยผ่านกระบวนการทางระบบคอมพิวเตอร์ (ทวีศักดิ์ กาญจนสุวรรณ. 2546)
มัลติมีเดีย คือ ระบบสื่อสารข้อมูลข่าวสารหลายชนิด โดยผ่านสื่อทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วย ข้อความ ฐานข้อมูล ตัวเลข กราฟิก ภาพเสี
มัลติมีเดีย คือ การใช้คอมพิวเตอร์สื่อความหมายโดยการผสมผสานสื่อหลายชนิด เช่น ข้อความ กราฟ ภาพศิลป์ (Graphic Art) เสียง ภาพเคลื่อนไหว (Animation) และวิดีทัศน์ เป็นต้น ถ้าผู้ใช้สามารถควบคุมสื่อเหล่านี้ให้แสดงออกมาตามต้องการได้ระบบนี้จะเรียกว่า มัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์(InteractiveMultimedia) (Vaughan. 1993)
มัลติมีเดีย คือโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่อาศัยคอมพิวเตอร์เป็นสื่อในการนำเสนอโปรแกรมประยุกต์ซึ่งรวมถึงการนำเสนอข้อความสีสัน ภาพกราฟิก (Graphic images) ภาพเคลื่อนไหว (Animation) เสียง (Sound) และภาพยนตร์วิดีทัศน์ (Full motion Video) (Hall. 1996)
เนื่องจากว่าคอมพิวเตอร์กำลังได้รับความนิยมแพร่หลายทั่วไปเพราะมีราคาถูก หาซื้อได้ง่ายให้ทั้งภาพกราฟิกและภาพเคลื่อนไหว และในสถานศึกษาต่าง ๆ ก็จะจัดให้ผู้เรียนได้เรียนคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นทุกวันนี้คอมพิวเตอร์จึงได้เข้ามามีบทบาทกับการศึกษาเป็นอย่างมาก และเนื่องจากเทคโนโลยีปัจจุบันได้เจริญก้าวหน้าไปมาก มีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายคอมพิวเตอร์ในส่วนของมัลติมีเดียทางการศึกษาก็เช่นเดียวกัน ในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาได้มีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่รู้จักกันดี เช่น e – learning โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI ซึ่งจะสังเกตเห็นว่าทั้ง e – learning และ CAI ต่างก็เป็นมัลติมีเดียคอมพิวเตอร์ที่เกิดจากการนำเอาภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ มาผสมผสานกันเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้อีกแหล่งหนึ่งของผู้เรียน ทำให้เนื้อหาของบทเรียนมีความน่าสนใจ น่าศึกษามากขึ้น คอมพิวเตอร์จึงได้กลายเป็นแหล่งข้อมูลมัลติมีเดียทางการศึกษาขนาดใหญ่ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ระหว่างกันเองได้
นอกจากระบบการศึกษาจะต้องเตรียมตัวรับกับความก้าวหน้าของมัลติมีเดียคอมพิวเตอร์แล้ว ครูในฐานะผู้ใช้เทคโนโลยีมัลติมีเดียก็จะต้องเตรียมความพร้อมให้มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของเทคโนโลยีทั้งในเรื่องของวิธีการใช้ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ เพื่อให้สามารถควบคุมและประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างสื่อต่างๆได้ ครูจะต้องเป็นผู้ที่พัฒนาตนเองอยู่เสมอในการที่จะขวนขวายหาความรู้และทำความเข้าใจการใช้คอมพิวเตอร์มัลติมีเดียในการจัดการเรียนการสอนให้มีความทันสมัย เร้าความสนใจเด็ก
ดังนั้นมัลติมีเดียคอมพิวเตอร์จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยในการลดภาระงานสอนและประหยัดเวลาของ ผู้สอน และนอกจากนั้นยังช่วยให้ผู้เรียนได้เลือกเข้าไปศึกษาได้ตามความสนใจ ทุกที่ ทุกเวลาโดยไม่จำกัด สามารถฝึกได้ตลอดจนเกิดความชำนาญ และช่วยให้ระบบการจัดการศึกษามีความน่าสนใจมากขึ้นอีกด้วย
มัลติมีเดียคอมพิวเตอร์กับการศึ
www.final4u.com
มัลติมีเดียคอมพิวเตอร์กับการศึกษา
โดย น.ส.รุ่งพิวา แคว้งอินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
ปัจจุบันคนไทยเริ่มเล็งเห็นความสำคัญของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีซึ่งกำลังมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะอิทธิพลต่อการศึกษาของไทย ซึ่งไทยควรจะมีการจัดทำสื่อเพื่อเตรียมบุคลากรทางการศึกษา คือ ครูและผู้บริหารการศึกษาให้ก้าวไปพร้อมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ตระหนักถึงการเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีมัลติมีเดียกับการศึกษา และบทบาทของครูกับนักเรียนเพื่อที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
เมื่อกล่าวถึงมัลติมีเดีย จะเป็นสิ่งที่กว้างมาก เนื่องจากว่ามัลติมีเดียเกิดจากการนำภาพ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว วิดีโอมาผสมผสานเข้าด้วยกัน แต่เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้คอมพิวเตอร์กำลังเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของคนเราเป็นอย่างมาก ดังนั้นถ้าหากได้ยินใครกล่าวถึงมัลติมีเดียคนทั่วไปมักจะนึกถึงคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นความเข้าใจที่ผิด แต่ก็ได้มีนักการศึกษาหลาย ๆ ท่านได้ให้ความหมายของมัลติมีเดียไว้ดังนี้
มัลติมีเดีย หมายถึง การนำองค์ประกอบของสื่อชนิดต่าง ๆ มาผสมผสานเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วย ตัวอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง วิดีโอ โดยผ่านกระบวนการทางระบบคอมพิวเตอร์ (ทวีศักดิ์ กาญจนสุวรรณ. 2546)
มัลติมีเดีย คือ ระบบสื่อสารข้อมูลข่าวสารหลายชนิด โดยผ่านสื่อทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วย ข้อความ ฐานข้อมูล ตัวเลข กราฟิก ภาพเสียงและวิดีทัศน์ (Jeffcoate. 1995)
มัลติมีเดีย คือ การใช้คอมพิวเตอร์สื่อความหมายโดยการผสมผสานสื่อหลายชนิด เช่น ข้อความ กราฟ ภาพศิลป์ (Graphic Art) เสียง ภาพเคลื่อนไหว (Animation) และวิดีทัศน์ เป็นต้น ถ้าผู้ใช้สามารถควบคุมสื่อเหล่านี้ให้แสดงออกมาตามต้องการได้ระบบนี้จะเรียกว่า มัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์(InteractiveMultimedia) (Vaughan. 1993)
มัลติมีเดีย คือโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่อาศัยคอมพิวเตอร์เป็นสื่อในการนำเสนอโปรแกรมประยุกต์ซึ่งรวมถึงการนำเสนอข้อความสีสัน ภาพกราฟิก (Graphic images) ภาพเคลื่อนไหว (Animation) เสียง (Sound) และภาพยนตร์วิดีทัศน์ (Full motion Video) (Hall. 1996)
เนื่องจากว่าคอมพิวเตอร์กำลังได้รับความนิยมแพร่หลายทั่วไปเพราะมีราคาถูก หาซื้อได้ง่ายให้ทั้งภาพกราฟิกและภาพเคลื่อนไหว และในสถานศึกษาต่าง ๆ ก็จะจัดให้ผู้เรียนได้เรียนคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นทุกวันนี้คอมพิวเตอร์จึงได้เข้ามามีบทบาทกับการศึกษาเป็นอย่างมาก และเนื่องจากเทคโนโลยีปัจจุบันได้เจริญก้าวหน้าไปมาก มีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายคอมพิวเตอร์ในส่วนของมัลติมีเดียทางการศึกษาก็เช่นเดียวกัน ในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาได้มีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่รู้จักกันดี เช่น e – learning โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI ซึ่งจะสังเกตเห็นว่าทั้ง e – learning และ CAI ต่างก็เป็นมัลติมีเดียคอมพิวเตอร์ที่เกิดจากการนำเอาภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ มาผสมผสานกันเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้อีกแหล่งหนึ่งของผู้เรียน ทำให้เนื้อหาของบทเรียนมีความน่าสนใจ น่าศึกษามากขึ้น คอมพิวเตอร์จึงได้กลายเป็นแหล่งข้อมูลมัลติมีเดียทางการศึกษาขนาดใหญ่ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ระหว่างกันเองได้
นอกจากระบบการศึกษาจะต้องเตรียมตัวรับกับความก้าวหน้าของมัลติมีเดียคอมพิวเตอร์แล้ว ครูในฐานะผู้ใช้เทคโนโลยีมัลติมีเดียก็จะต้องเตรียมความพร้อมให้มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของเทคโนโลยีทั้งในเรื่องของวิธีการใช้ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ เพื่อให้สามารถควบคุมและประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างสื่อต่างๆได้ ครูจะต้องเป็นผู้ที่พัฒนาตนเองอยู่เสมอในการที่จะขวนขวายหาความรู้และทำความเข้าใจการใช้คอมพิวเตอร์มัลติมีเดียในการจัดการเรียนการสอนให้มีความทันสมัย เร้าความสนใจเด็ก
ดังนั้นมัลติมีเดียคอมพิวเตอร์จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยในการลดภาระงานสอนและประหยัดเวลาของ ผู้สอน และนอกจากนั้นยังช่วยให้ผู้เรียนได้เลือกเข้าไปศึกษาได้ตามความสนใจ ทุกที่ ทุกเวลาโดยไม่จำกัด สามารถฝึกได้ตลอดจนเกิดความชำนาญ และช่วยให้ระบบการจัดการศึกษามีความน่าสนใจมากขึ้นอีกด้วย
แหล่งอ้างอิง
้http://www.seameo.org/vl/pallop/multime.htm
http://www.nectec.or.th/courseware/multimedia/0003.html
http://www.nectec.or.th/courseware/multimedia/0001.html